นวัตกรรมทางการเกษตรในปัจจุบันนั้นเกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก มีงานวิจัยมาก ๆ ที่ทำการศึกษาหาความรู้เพื่อมาช่วยเกษตรกรในการจัดการในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเพาะปลูก พืชเศรษฐกิจหรือแม้กระทั่งแนวคิดใหม่สำหรับการทำเกษตรกรรม ซึ่งหนึ่งในการทำเกษตรกรรมแนวใหม่อย่างการปลูก “พืชไร้ดิน” หรือเรียกอีกชื่อนึงว่า “ไฮโดรโฟนิก(Hydroponic)” และในบทความนี้จะพาทุก ๆ ท่านมาทความเข้าใจเกี่ยวกับการปลูกพืชไร้ดินนี้ว่าเป็นอย่างไร? มีข้อดีและข้อเสียอะไรบ้าง พืชชนิดไหนเหมาะสมกับการเพาะปลูกแบบนี้ที่สุด
พืชไร้ดินคืออะไร ?
พืชไร้ดิน คือ การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน ซึ่งเป็นการเพาะปลูกพืชในวัสดุปลูกที่ไม่ใช้ดินที่มีธาตุอาหารพืช การปลูกพืชโดยให้รากพืชสัมผัสสารอาหารโดยตรง ไม่มีการใช้ดินในการเพาะปลูก เป็นต้น แต่ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไรก็ตาม สามารถอธิบายได้ 2 ลักษณะ ตามระบบหรือวิธีการปลูกและความหมายของคำที่แปลมาจากภาษาอังกฤษ 2 คำ คือคำว่า Soilless Culture และคำว่า Hydroponics
“Soilless Culture” และ “Hydroponics ”เป็นวิธีการปลูกพืชเลียนแบบการปลูกพืชบนดินโดยไม่ใช้ดินเป็นวัสดุในการปลูก แต่เป็นการปลูกพืชลงบนวัสดุปลูกชนิดต่าง ๆ ซึ่งยกตัวอย่างได้ดังนี้
– วัสดุที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ทราย กรวด หิน เกล็ด หินภูเขาไฟ หินซีลท์
– วัสดุที่ผ่านขบวนการโดยใช้ความร้อน เช่น ดินเผา เม็ดดินเผา ใยหินหรือร็อควูล เพอร์ไลท์ เวอร์มิคูไลไลน์
– วัสดุเหลือใช้จากโรงงานอุตสาหกรรม เช่น เศษอิฐจากการทำอิฐมอญ เศษดินเผาจากโรงงานเครื่องปั้นดินเผา
ข้อดีของการปลูกพืชแบบไร้ดิน
– สามารถดูแลปัจจัยต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น อาทิเช่น น้ำ ปุ๋ย ธาตุอาหารต่าง ๆ หรือแม้กระทั้งแสงที่เหมาะสมสำหรับพืช
– ตัวโรงเรือนจะช่วยในการดูแลในเรื่องของแมลศัตรูพืชและควบคุมอุณหภูมิ
ซึ่งการปลูกพืชแบบไม่ใช้ดินเป็นวิทยาการทางวิทยาศาสตร์และศิลปะผสมกันที่สามารถใช้ปลูกพืชได้ในทุกสถานที่โดยไม่มีขอบเขตจำกัด ไม่ว่าจะเป็นการปลูกจำนวนน้อยเพื่อบริโภคในครัวเรือนหรือการผลิตเชิงธุรกิจ เป็นวิธีที่เหมาะสมกับความต้องการสำหรับผู้ปลูกที่มีพื้นที่ปลูกน้อย
พืชที่เหมาะกับการปลูกแบบไร้ดินมีอะไรบ้าง
พันธุ์พืชที่เหมาะสมแก่การเพาะปลูกแบบไร้ดิน ได้แก่ ผักคะน้า ผักกวางตุ้ง ผักโขม บัตเตอร์เฮดและผักบุ้ง เป็นต้น
การดูแลพืชไร้ดินยุ่งยากหรือไม่?
การดูแลพืชที่เพาะปลูกแบบไร้ดินต้องอาศัยความรู้และความชำนาญเพิ่มเติม ซึ่งสามารถอธิบายคร่าว ๆ ได้ดังนี้
– รักษาระดับน้ำให้อยู่ในระดับควบคุมอยู่เสมอ
– ควบคุมค่า EC อยู่ระหว่าง 1-1.8 โดยเครื่อง EC meter ปรับลดโดยการเพิ่มน้ำ และปรับค่า EC เพิ่มโดยการเพิ่มปุ๋ย กรณีไม่มีเครื่องวัดสามารถประมาณการเติมสารอาหาร A และ B ดังตาราง
– ควบคุมค่า pH อยู่ระหว่าง 5.2-6.8 โดยเครื่อง pH meter หรือ pH Drop test
การเพาะปลูกพืชแบบไร้ดินจะเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการทำธุรกิจของเกษตรกรรุ่นใหม่ สามารถช่วยให้เงินได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าใครก็ทำได้